วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

NWOBH


วันนี้ร้อนมากไม่น่าเชื่ออุณหภูมิขึ้นไปถึง 35 c

เหนื่อยมาทั้งวันแรงแทบหมด แต่พอฟังอัลบั้มนี้แล้ว อารมณ์ดี คึกคักขึ้นมาเหมือนชารจ์แบตในร่างกาย จากที่เหลือ 1% กลายเป็น 100% แทบจะในทันที กับวงเฮฟวี่เมทัล ที่สำหรับผมแล้วเจ๋งที่สุดในโลก

ทั้ง RIFF และ SOLO ที่เป็นตำนานในทุกท่อน ในทุกๆเพลง ในอัลบั้มนี้ 1 ในวงผู้ให้กำเนิดกระแส NWOBH ในยุค 80 ที่ผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว เสน่ห์ของยุคนี้ที่เป็นเอกลักษณ์มันไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ เด็กรุ่นใหม่ และที่กำลังจะเกิดในอนาคต ถ้าจะอธิบายให้ฟังว่าเฮฟวี่เมตัลคืออะไร ผมก็จะชี้ไปที่แพ่นนี้แหละ คือคำตอบของทุกอย่างของดนตรีเฮฟวี่เมตัล

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Cradle of Filth - live Scars And Stripes Tour 1999

Cradle of Filth
live Scars And Stripes Tour 1999  
Symphonic Black Metal
ประเทศ England

สำหรับ COF แล้วแน่นอนว่า แฟน Black metal พันธ์ุแท้ต้องร้องยี้แน่ๆ ด้วยความที่เป็นวงตลาด และอิมเมจของนักดนตรีที่แต่งหน้าตาแปลกแหวกแนว ไปจาก Corpse paint ในแบบที่ถูกต้องที่ควรจะเป็น และดนตรีที่มีทั้ง keyboard และ คอรัสผู้หญิง แต่ด้วยความที่ดนตรีในยุคแรกที่เป็น Black metal ที่เล่นได้หนักหน่วง บวกกับเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ ของ Dani Filth ถึงแม้จะถูกนิยามให้เป็น extreme metal เพราะมันจัดลงหมวดหมู่ไหนไม่ค่อยจะได้ เพราะดนตรีที่มีทั้งความเป็น Gothic, Death และ Symphonic ผสมกันเนื้อหาก็ออกไปทาง ภูติผีปีศาจ ตำนานลึกลับ เรื่องราวสยองขวัญ Erotic(ชอบมาก) และ ลบหลู่ศาสนาคริสต์ 


DLP แพ่นนี้เป็น live Bootleg ในยุคแรก ที่ usa รัฐ ohio ชื่อทัวร์ Scars And Stripes Tour ซึ่งข้อมูลในเน็ท บอกว่าเป็นทัวร์ครั้งแรกใน usa เพื่อสนับสนุนอัลบั้ม Cruelty and the Beast (1998) ฟังดูแล้วคงจะบันทึกเสียงจาก soundboard เสียงเครื่องดนตรีชัดทุกชิ้น และมีเสียงคนดูปนมาด้วยได้บรรยากาศเหมือนกับอยู่ในงานด้วยจริงๆ ประทับใจเสียงร้องของ Dani Filth มากในยุคนั้นทั้งความสดของนักดนตรี มาครบเครื่องทั้งเสียงต่ำแบบอึ่งอ่าง และเสียงสูงแบบ soprano ได้แสบไปถึงรูทวาร จริงๆ พร้อมกับอิมเมจ Gothicๆ ขัดใจ ในแบบที่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ถ้าเรื่องดนตรีแล้ว หนักหน่วง ครบรสได้ใจผมไปเลย



โลโก้วง



ภาพปกแพ่นเสียงเป็นแบบซองเสียบ 




ภาพสมาชิกวงในยุคนั้น กับ อิมเมจแบบขัดตามากๆ สำหรับแฟนเพลง Black metal  ยิ่งยุคหลังๆ ไม่ต้องพูดถึง.....





วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Graveland - Thousand sword (1994)


Graveland
Thousand sword (1994)
Raw/Pagan Black Metal 
ประเทศ Poland



ต้องทำความเข้าใจก่อนแต่แรกว่า ยุโรป แต่เดิมนั้นมีศาสนาและความเชื่อเป็นของตัวเองอยู่แล้วตั้งแต่ดั้งเดิม และแตกตามกันไปตามเผ่าต่างๆที่กระจาย กันอยู่ทั่วยุโรป จนกระทั้ง... ยุคมืด หรือ Dark age ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนจักรเป็นใหญ่ที่สุด กษัตริย์ยังต้องก้มหัวให้พระใส่มงกุฎ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขัดแย้งกับศาสนา ต้องถูกทำลายทิ้งให้หมด ซึ่งความเชื่อของศาสนาคริสต์ก็มีมายาวนานแล้วกว่า 2015 ปี  จากเดิมกำเนิดในตะวันออกกลาง เผยแพร่ สู่อาณาจักรโรมัน(อิตาลี) แล้วกระจายไปทั่วยุโรป ซึ่งในยุคนั้น คณะเผยแพร่ศาสนาจะมีลักษณะเป็นกองกำลังทหาร เมื่อเดินทางไปที่ใดก็จะบังคับให้คนพื้นที่ดั้งเดิมให้เปลี่ยนมานับถือพระเจ้า(เยโฮวา) องค์เดียวเท่านั้น ใครไม่ยอมหรือขัดขืนก็จะถูกจับ คุมขังบ้าง ประหารทิ้งบ้าง .....แน่นอนว่าดนตรีของ Graveland คือการเอาคืน ล้างแค้น และไล่ล่า Christian โดยเหล่านักรบ pagan นั่นเอง

Graveland เสียงกีต้าจะแผดแตกและแห้งมากๆ มีการดีดแบบทีละเส้น(picking) ซึ่งเป็นอิทธิพลที่ได้มาจาก Burzum แน่นอน ซึ่งฉีกจากยุค 90 ที่ วงที่มีชื่อเสียงเริ่มจะเป็น Fast Black กันซะส่วนใหญ่ (immortal - Battles in the North ’95 , Marduk - Opus Nocturne ’94 ฯลฯ) กลองตีหลายจังหวะทั้งปานกลางและเร็วผสมกัน แต่ไม่ได้เร็วชนิดที่เรียกว่า Fast black metal ฟังจังหวะกลองแล้วนึกไปถึง immortal ชุด 1-2 ทันที เสียงร้องจะแหบพร่า เหมือนพ่อมดหมอผีแบบ Abbath โดยรวมจะมีกลิ่นของดนตรี Folk(ดนตรีพื้นบ้าน)ผสมอยู่ในแต่ละเพลง เสียง keyboard คลอในเพลงเพื่อเสริมบรรยากาศเท่านั้น 

โดยมี สมาชิกหลักของวงคือ Rob darken - ทุกอย่าง ยกเว้นกลอง ,Capricornus - กลอง ,Karcharoth(RIP) - Bass แต่อัลบั้มต่อมาชุดหลังๆ ทางวงได้เปลี่ยนแนวการเล่นจาก Raw Black metal ไปเป็น Viking metal ในสไตล์ของ Bathory เต็มตัว Capricornus เอง ก็แยกไปทำวงของตัวเองซึ่งเล่นไปแนวทางของ NS Black metal 

Rob darken 


Capricornus



หลังจากจบ intro แล้วขึ้นเพลงแรกพร้อมกับอ่าน lyric sheet ไปด้วยผมรู้สึกได้เลยว่ากำลังถือดาบโล่ พร้อมเหล่านักรบ pagan บุกเข้าตีหมู่บ้านคริสเตียนตอนดึกสงัด หิมะตกโปรยปรายเลอะคราบเลือด ฆ่าให้หมดทั้งผู้หญิงและเด็ก ตัดคอนักบวช สุมไฟเผาโบสถ์ แล้วตามรอยเลือดของคนที่บาดเจ็บแล้วพยายามหนีไป หมู่บ้านถัดไป อ่านเนื้อเพลงแล้วเย็ดเข้ นี่มันสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของ Pagan ในยุคนั้นเหรอว่ะเนี่ย! ฟังไปอ่านไป ก็รู้สึกหลงไหลและทึ่งมาก ในบางเพลงจะมีเสียงเป่าแตรปลุกใจ การห้ำหั่นกันในสนามรบ ผสมกับดนตรี ทำให้เกิดภาพบรรยากาศให้เห็นชัดเจนในหัวมากๆ ยิ่งหยิบปกแพ่นเสียงมาดู Rob darken ในชุดนักรบpaganยุคกลาง ทาหน้าตา corpse paint ถือดาบ โล่ พร้อมที่จะออกรบ เรียกได้ว่า อิมเมจส่งเสริมกับดนตรีจริงๆ 

รูปปกแพ่นเสียง









วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

News look!!




BEFORE




AFTER



666


ตัดผม... หลังจากไว้ผมมานานกว่า 4 ปี
ถ้าถามว่าทำไมถึงตัด  "ก็เพราะอยากตัดผมสั้น"
แล้วถ้าถามว่าไว้ยาวทำไม "ก็เพราะว่าอยากไว้ผมยาว"
แค่นั้น....

Barad Dûr (1999)


Barad Dûr

Raw Black Metal จาก Germany จากเมือง Erfurt, Thuringia

ชื่อวงนั้นคือ ชื่อป้อมปราการทมิฬ ของ sauron จากมหากาพย์ The Lord of the Ring โดยผู้แต่ง j.r.r. tolkien นั้นเอง จะเข้าถึงป้อมนี้ได้ ก็ต้องผ่านทุ่งหญ้า Gorgoroth ก่อน (คนละวงกันแล้ว)... มีมากมายหลายวงมากที่ ใช้เนื้อหาจากนิยายของ tolkien มาแต่งเพลง ไล่มาตั้งแต่ Burzum เลยทีเดียว เพราะ tolkien เองนั้นเป็นนักภาษาศาสตร์ จึงแต่งนิยาย ที่มีตัวละครหลากหลายเผ่าพันธุ์ มาก นับตั้งแต่เทพองค์แรกที่ถือกำเนิดมาเลยทีเดียว มีภาษาของแต่ละเผ่าเป็นของตัวเอง และสามารถนำมาใช้งานได้จริงๆ วง Black Metal (ในยุโรป) หลายๆวง มีการนำภาษาของเผ่า orcs มาใช้ในการตั้งชื่อวง ชื่อนักดนตรี(pseudonym) และชื่อเพลง

Barad Dûr ผมเองมารู้จักกับอัลบั้ม Dunkelheit นี้เองซึ่งหลังจากฟังแล้ว รู้สึกชอบเลยแล้วตั้งความหวังไว้เลยว่าต้องกดแพ่นเสียงแน่ เพราะชอบในความเกรี้ยวกราด และการเล่นที่มีสลับจังหวะทั้ง Blast และ mid-tempo แบบ Burzum, Graveland เนื้อเพลงนี้ยังไม่มีโอกาศได้อ่านเต็มๆเพราะ เป็นภาษาเยอรมันล้วน

Dunkelheit ชุดนี้เป็นอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของวง ออกมาเป็น CD ตั้งแต่ปี 1999 โดยออกกับค่าย Darker Than Black Rec. แต่ตัวผมเองเพิ่งมีโอกาศได้รู้จักวงนี้ 2-3 ปีที่ผ่านมานี่เอง และเช่นเคย ต้องฟังจาก youtube ตามเดิมเพราะไปสืบราคามาจาก Discog  ซีดีชุดนี้ได้ sold-out ไปนานมากแล้ว ราคาที่ซื้อขายที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ถูกๆ ครับแต่ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป จนปี 2004 มีการ รีเป็น เทป limit. 300 copies (ยังพอหาซื้อได้ในราคาปกติ) และปี 2013 ที่ผ่านมานี่เองที่ รีอีกครั้งเป็น vinyl limit. 300 copies โดยสังกัดเดิม



โลโก้วง โดย Christophe Szpajdel



นี่คือปก Lp (2013)


โดยส่วนตัว ผมชอบ ลายเส้นแบบภาพวาดขาวดำบน cover ของแบบซีดีมากกว่า เพราะมันให้ความรู้สึกดิบกว่าเยอะ และสวยกว่ามาก อาจจะเป็นเพราะลายเส้นจากดินสอ ธรรมดาๆ ส่วนมากมักจะใช้กับปกประเภท เดโมเทปซะส่วนใหญ่ และเดโมเทปวงที่เล่นดนตรีประเภทนี้ ถ้าเห็นปกอย่างนี้ผมเองเดาได้เลยถึงเสียงที่บันทึกอยู่ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ฮี่ๆ

7 เพลง รวม (intro+outro) บันทึกเสียงดีด้วยครับ เป็นแบบอัดในสตูดิโอ อัดเสียงเครื่องดนตรีเคลียร์ ทุกชิ้น ถึงจะเป็นวง underground แต่อัลบั้มเต็มทั้งที ต้องอัดเสียงให้ชัดๆ หน่อย ถึงแม้เสียงจะอัดดีมากแต่ไม่ได้ทำให้ความโหดร้ายของดนตรีลดลงไปเลย กลับเป็นการเน้นให้ชัดขึ้นมากกว่า ทั้งเสียงร้องที่สูง และแผด แสบบาดใจมากๆ (ชอบ)



นี่คือปก CD

ภาพป้อมปราการ Barad Dûr ในอาณาจักร Mordor ฐานทัพใหญ่ของ Sauron






วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Satanic warmaster


Satanic warmaster เป็นวงที่ผมตามเก็บผลงานเท่าที่มีปัญญาหาได้ (ออกงานเยอะเหลือเกินบางตัวก็แพงโคตรๆ) ตอนนี้ชุดแรกสุดก็รีออกมาแล้วราคาปกติ แนะนำให้ฟังกันครับ ไม่ใช่ fast black ที่เร็วถล่มทลาย แต่เวลาฟังทีไรมันสะท้อน การเล่นแบบวงเก่าที่มาก่อนเช่น burzum mayhem emperor ฯลฯ บาง Riff นี่แทบลอกกันมาเลยทีเดียว แต่ผมชอบนะครับ มันผสมลงตัวแบบที่สุด ไอ่ตัวเจ้าของวงก็ project เยอะมากทำมันหมดทุกแนว

Moonblood -- from hell -- Anthology boxed set (2013)









Moonblood -- from hell -- Anthology boxed set (2013)

Iron Bonehead Productions & Tales From The Crypt



เยอรมัน แบล็กเมทัล

สำหรับคนที่ชื่อชอบ underground black metal ต้องรู้จักวงนี้ครับ ผมเองก็รู้จักจากกิตติศัพท์ วงนี้จากการคอยสังเกตุว่าวง underground black metal ที่ฟังๆ อยู่ชอบใส่เสื้อวงๆนี้ บางครั้ง วงที่ชอบ เวลาอ่าน interview ก็มักเจอชื่อวงนี้เป็นแรงบัลดาลใจอยู่บ่อยๆ


ส่วนเรื่องทัศนะคติ ความแน่วแน่ในแนวทาง underground ก็แน่นอนได้เลย เพราะการประพฤติตัวแบบเร้นลับ ของสมาชิกวงเอง interview ก็หาอ่านยาก(แต่สมัยนี้สามารถหาอ่านได้ในinternet) No contact และวงไม่เคยออกผลงาน ในรูปแบบ ดิจิตอลใดๆทั้งสิ้น ซึ่งการจะหาผลงานมาฟังสำหรับผมนั้นเรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว ต้องฟังจาก internet และ Bootleg CD เท่านั้น

ทางวง ยึดถือแนวทางของ Analog sound อย่างเหนียวแน่น และผลงานที่ออกส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบเดโมเทป บันทึกเสียงแบบ Rehearsal(อัดสดในห้องซ้อม) ซะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ดนตรีจึงมีความดิบ อาจจะฟังยากซักหน่อย สำหรับผู้ที่เริ่มฟัง และบางคนอาจจะไม่ชอบเลยก็ได้โดยมีอัลบั้มเต็มแค่ 2 ชุดเท่านั้น Blut & Krieg ในปี ‘96 และ Taste Our German Steel! ในปี 2000 ที่บันทึกเสียงแบบ studio


รูปแบบดนตรีของ moonblood นั้นจะแตกต่างกับทาง ทาง Norwegien โดยจะไม่อัด fast พุ่งจัดๆ ถล่มทลาย แต่จะมีทั้งจังหวะปานกลางและเร็ว repititive riff แบบ Darkthrone เนื้อหามีทั้งความเป็นแฟนตาซีและต่อต้านศาสนา ทำให้บรรยากาศที่เล่นออกมามีความขลังมาก ฟังแล้วรู้สึกเหมือนต้องมนต์ และฮึกเหิม(ในBooklet บอกว่าวงพยายามเล่นแบบ Samael ผสม Darkthrone ในยุคเริ่มต้นของวง)


โดยผลงานใน Box นี้จะเป็นการรวมงานที่ปรากฎตาม compilation ต่างๆ

rough mix, alternate mix และ เพลงที่ split กับวงต่างๆ ในช่วงเวลาของการก่อตั้งวง 1994 - 1999 RIP


ใน boxed set นี้มี

ไวนิล 12” แพ่นดำ 3 แพ่น,

1 Picdisc(Taste Our German Steel!),

7” 1 แพ่น

รวมทั้งหมด 5 แพ่น

Booklet 8 หน้าบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของวงโดย Gaamalzagoth(นักร้องนำ), รวมบรรดา flyer และ review แบบตัดแปะ กล่องบรรจุสีดำทมิฬ สวยงามมาก โดยของผมเป็น second edition จำนวน 999 กล่อง แต่ไม่มีการรันเลขนัมเบอร์ ผมคิดว่าคุ้มมากในราคาสมเหตุสมผลที่ 4xxx บาท


เรียกได้ว่าถ้าไม่มี Boxset ชุดนี้ก็คงไม่มีทางได้ครอบครองผลงานของวงที่เป็น official release แน่ๆ นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าอยู่ๆ วงจะออก Boxset ชุดนี้ เพราะผลงาน original แต่ละตัวของวงนั้นล้วน sold-out และราคาถีบตัวสูงขึ้นไปอย่าง เอื้อมไม่ถึง